พระอิสริยยศ
·
สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ
เจ้าฟ้าสิรินธรเทพรัตนสุดา กิติวัฒนาดุลโสภาคย์ (2 เมษายน พ.ศ. 2498
- 5 ธันวาคม พ.ศ. 2520)
·
สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา
เจ้าฟ้ามหาจักรีสิรินธร รัฐสีมาคุณากรปิยชาติ สยามบรมราชกุมารี (5 ธันวาคม พ.ศ. 2520
- ปัจจุบัน)
เครื่องราชอิสริยยศ
เมื่อพระองค์ทรงได้รับการสถาปนาพระอิสริยยศขึ้นเป็น
"สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา เจ้าฟ้ามหาจักรีสิรินธร รัฐสีมาคุณากรปิยชาติ
สยามบรมราชกุมารี" ในการพระราชพิธีเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช
เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2520
นั้น พระองค์ทรงได้รับพระราชทานเครื่องประกอบพระราชอิสริยยศ
เครื่องราชอิสริยาภรณ์
สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์จากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและได้รับเครื่องราชอิสริยาภรณ์จากต่างประเทศ
พระยศทางทหาร
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ
พระราชทานพระยศทางทหารแก่สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ตามลำดับ
ดังนี้
·
ร้อยเอกหญิง
เรือเอกหญิง เรืออากาศเอกหญิง
และทรงได้รับโปรดเกล้าฯ ให้ดำรงตำแหน่งนายทหารพิเศษประจำกรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กรักษาพระองค์
นายทหารพิเศษประจำกองทัพเรือ และนายทหารพิเศษประจำกองทัพอากาศ (21 ธันวาคม พ.ศ.
2520)
·
นายทหารพิเศษ ประจำกองพันทหารราบที่ 3 กรมทหารราบที่ 5 (25 พฤศจิกายน พ.ศ.
2523)
·
นายทหารพิเศษ ประจำกองนักเรียนนายเรือรักษาพระองค์ โรงเรียนนายเรือ,
ประจำกองบังคับการกรมทหารราบที่ 3 รักษาพระองค์ กรมนาวิกโยธิน,
ประจำกองนักเรียนนายเรืออากาศรักษาพระองค์ โรงเรียนนายเรืออากาศ กรมยุทธศึกษาทหาร
และประจำกองพันอากาศโยธินที่ 1 รักษาพระองค์ (26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2523)
·
ตำแหน่งอาจารย์ ส่วนการศึกษา โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า (24 ธันวาคม
พ.ศ. 2523)
·
พันตรีหญิง
นาวาตรีหญิง และนาวาอากาศตรีหญิง
[25 ธันวาคม พ.ศ. 2523)
·
นายทหารพิเศษ ประจำกรมนักเรียนร้อยรักษาพระองค์
โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า (13 มกราคม พ.ศ. 2524)
·
นายกองเอก กองอาสารักษาดินแดน สำนักอำนวยการกองอาสารักษาดินแดน (พ.ศ. 2525)
·
พันโทหญิง
นาวาโทหญิง นาวาอากาศโทหญิง
(1 ตุลาคม พ.ศ. 2526)
·
พันเอกหญิง
นาวาเอกหญิง นาวาอากาศเอกหญิง
(27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2528)
·
ศาสตราจารย์ (อัตรา พ.อ.) (2 มิถุนายน พ.ศ. 2529)
·
หัวหน้า กองวิชาประวัติศาสตร์ ส่วนการศึกษา
โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า (5 มีนาคม พ.ศ. 2530)
·
พลตรีหญิง
พลเรือตรีหญิง และพลอากาศตรีหญิง
ศาสตราจารย์ (อัตรา พล.ต.) และ ผู้อำนวยการกองวิชาประวัติศาสตร์
ส่วนการศึกษาโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า (31 มกราคม พ.ศ. 2532)
·
พลโทหญิง
พลเรือโทหญิง และพลอากาศโทหญิง
และ ศาสตราจารย์ (อัตรา พล.ท.) (19 สิงหาคม พ.ศ. 2535)
·
นายกองใหญ่ กองอาสารักษาดินแดน สำนักอำนวยการกองอาสารักษาดินแดน (17
เมษายน พ.ศ. 2535)
·
ศาสตราจารย์ (อัตรา จอมพล) (2 สิงหาคม พ.ศ. 2543)
·
นายทหารพิเศษ ประจำกองพลทหารม้าที่ 2 รักษาพระองค์
(16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2545)
รางวัลที่ทรงได้รับการทูลเกล้าฯ
ถวาย
·
รางวัลพระเกี้ยวทองคำ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ทูลเกล้าฯ ถวายรางวัล เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2531
เนื่องจากพระองค์ทรงมีผลงานที่มีส่วนส่งเสริมความรู้และความภูมิใจในภาษาไทยเป็นที่ประจักษ์แก่ประชาชนทั่วไปอย่างเด่นชัด
และผลงานนั้น ๆ มีลักษณะก่อให้เกิดความสนใจ และสร้างทัศนคติที่ดีต่อภาษาประจำชาติ
·
รางวัลรามอน แมกไซไซ พระองค์ทรงได้รับการคัดเลือกจากมูลนิธิรางวัลรามอน แมกไซไซ
ให้ได้รับการทูลเกล้าฯ ถวายรางวัลรามอล แมกไซไซ สาขาบริการสาธารณะ ประจำปี พ.ศ. 2534
โดยทรงเข้ารับการทูลเกล้าฯ ถวายรางวัล ณ ศูนย์วัฒนธรรมฟิลิปปินส์ ประเทศฟิลิปปินส์ เมื่อวันที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2534
·
รางวัลนักวิจัยดีเด่นแห่งชาติ คณะกรรมการบริหารสภาวิจัยแห่งชาติ ทูลเกล้าฯ
ถวายรางวัลนักวิจัยดีเด่นแห่งชาติ ประจำปี พ.ศ. 2545
สาขาสหวิทยาการ แด่พระองค์ เมื่อวันที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2545
ณ ศาลาดุสิดาลัย สวนจิตรลดา พระราชวังดุสิต
เพื่อเฉลิมพระเกียรติคุณในพระอัจฉริยภาพที่ทรงเป็นนักวิจัย
โดยมีผลงานในทุกสาขาวิชาซึ่งเป็นประโยชน์ต่อวงการวิชาการของประเทศ
·
รางวัลอินทิรา
คานธี เพื่อสันติภาพ การลดอาวุธ และการพัฒนา พระองค์ทรงได้รับการคัดเลือกให้ได้รับการทูลเกล้าฯ
ถวายรางวัลอินทิรา คานธี ประจำปี 2547 จากพระราชกรณียกิจที่ทรงปฏิบัติเพื่อมวลมนุษยชาติ
โดยทรงเข้ารับการทูลเกล้าฯ ถวายรางวัล ณ ประเทศอินเดีย เมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2548
ซึ่งนับเป็นลำดับที่ 19 ของผู้ที่ได้รับรางวัลนี้
·
รางวัลมิตรนานาชาติ
10 อันดับแรกของสาธารณรัฐประชาชนจีน โดยพระองค์ทรงได้รับการคัดเลือกจากประชาชนชาวจีนให้เป็นมิตรนานาชาติ 10
อันดับแรกของประเทศจีน เนื่องจากพระองค์ทรงศึกษาภาษาจีนตั้งแต่ยังทรงพระเยาว์ ทรงทำวิจัยเกี่ยวกับประวัติศาสตร์จีนมาตลอด
และเสด็จเยือนประเทศจีนแล้วมากกว่า 32 ครั้ง ในช่วง 28 ปีที่ผ่านมา
ทรงเข้ารับการทูลเกล้าฯ เมื่อวันที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2552
ณ ประเทศจีน ในโอกาสนี้ รัฐบาลไทย โดยนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี
ในนามคณะรัฐมนตรี ข้าราชการ และพสกนิกรชาวไทยทุกหมู่เหล่า
ได้เป็นเจ้าภาพจัดงานสโมสรสันนิบาตและงานถวายพระกระยาหารค่ำเฉลิมพระเกียรติ
สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงได้รับการทูลเกล้าฯ ถวายรางวัลการจัดกิจกรรม
มิตรนานาชาติสิบอันดับแรกของสาธารณรัฐประชาชนจีนในรอบ 100 ปี ณ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 7 มีนาคม พ.ศ. 2553
ตำแหน่งที่ทรงได้รับ
·
อุปนายิกาผู้อำนวยการสภากาชาดไทย โดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระราชดำริว่า
สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี
ทรงเป็นผู้ที่เหมาะสมและไว้วางพระราชหฤทัย จึงมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ
แต่งตั้งให้ทรงดำรงตำแหน่งอุปนายิกาผู้อำนวยการสภากาชาดไทย ตั้งแต่วันที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2520
·
ทูตพิเศษของโครงการอาหารโลก ด้านอาหารโรงเรียน (WFP's
Special Ambassador for School Feeding) พระองค์ทรงได้รับการทูลเกล้าฯ
ถวายตำแหน่งทูตพิเศษของโครงการอาหารโลก (World food programme) แห่งสหประชาชาติ เมื่อวันที่ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2547
·
ทูตสันถวไมตรีแห่งองค์การศึกษา
วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ ด้านการส่งเสริมศักยภาพของเด็กชนกลุ่มน้อย
ด้วยการศึกษาและอนุรักษ์มรดกทางวัฒนธรรม (UNESCO
Goodwill Ambassador for the Empowerment of Minority Children and the
Preservation of their Intangible Cultural Heritage) องค์การศึกษา
วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ หรือ ยูเนสโก
แต่งตั้งให้พระองค์ทรงดำรงตำแหน่งนี้ โดยนายโคอิชิโร มัตสึอูระ
ผู้อำนวยการใหญ่ยูเนสโก พร้อมด้วยผู้บริหารยูเนสโก เข้าเฝ้าฯ ทูลเกล้าฯ
ถวายใบประกาศนียบัตรและใบประกาศแต่งตั้ง เมื่อวันที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2548
ณ ศาลาดุสิดาลัย สวนจิตรลดา พระราชวังดุสิต
·
วุฒิสภากิตติมศักดิ์
ของมูลนิธิการประชุมผู้ได้รับรางวัลโนเบล (Honorary Senate of the Foundation
Lindau Nobel Prize Winners Meetings) เนื่องจากพระองค์ทรงทำคุณประโยชน์อย่างเด่นชัดในการประชุมที่ลินเดา
และแก่มูลนิธิ ทรงเสียสละและทุ่มเทให้กับงานทางด้านวิทยาศาสตร์
สนับสนุนการศึกษาวิทยาศาสตร์ เชื่อมโยงวิทยาศาสตร์และทำให้เกิดการบูรณาการ
เมื่อวันที่ 25 มิถุนายน 2553